กินตามกรุ๊ปเลือด Blood Type Diet ดียังไง.. เผยเรื่องจริงที่เขาไม่อยากให้เรารู้

การกินตามกรุ๊ปเลือด เพื่อสุขภาพเป็นยังไง นี่คือเรื่องจริง ที่เขาไม่อยากให้พวกเราได้รู้ เชื่อเถอะครับ ไม่มีสอนในคอร์สไหนแน่นอน


กินตามกรุ๊ปเลือด Blood Type Diet ดียังไง.. เผยเรื่องจริงที่เขาไม่อยากให้เรารู้

ในช่วงก่อนที่ผมไปศึกษาการใช้ Social network ใหม่ๆ อย่าง TikTok แน่นอนว่าผมก็เข้าไปสนใจในเรื่องที่ผมสนใจ ซึ่งก็คือเรื่องของการ "ลดความอ้วน" และหนึ่งในเรื่องราวที่มีทั้งคนพูดถึง ทำคอนเทนต์ และมาสอบถามผม เรื่องนึงก็คือเรื่องของการทานตามกรุ๊ปเลือด ทานตามกลุ่มเลือด ทานตามหมู่เลือด หรืออะไรทำนองนี้แล้วแต่จะเรียกแตกต่างกันออกไป แต่รวมๆแล้ว ก็คือ Blood type diet นั่นแหละครับ ว่าแล้ววันนี้ก็ขอนำมาพูดถึงกันสักหน่อยแล้วกัน ว่าการทานตามกรุ๊ปเลือดนั้นมันคือยังไง มีประโยชน์ในแง่ไหนบ้าง วันก่อนผมได้เกริ่นๆเรื่องกินตามยีน กินตามกรรมพันธุ์ หรือ กินตามพันธุกรรม กินตาม Genetic กันไปแล้ว เรื่องการทานตามหมู่เลือด นี่ก็อยู่ในหมวดใกล้ๆกัน นั่นคือแนวคิดเรื่อง Personalize diet

ที่มาที่ไป

การบริโภคตามกรุ๊ปเลือด นั้นเคยถูกจัดให้เป็นแนวคิดโภชนาการเฉพาะบุคคล (Personalize diet) รูปแบบนึงนะครับ  โดยเป็นการโภชนาการที่เชื่อมโยงเข้ากับเรื่องของกรุ๊ปเลือด ABO blood group ที่เราคุ้นเคยกันดีว่ามีกรุ๊ป A B AB และ O นั่นแหละครับ โดยแนวคิดนี้ได้ถูกนำเสนอขึ้นมาในหนังสือชื่อ "Eat Right For Your Type" โดย P.J. D'Adamo [1] ตีพิมพ์ในปี 1996 ซึ่งก็ทำยอดจำหน่ายไปเยอะมากถึง 7 ล้านฉบับ ตีพิมพ์ในกว่า 60 ภาษาทั่วโลก เคยได้อยู่ในอันดับหนังสือขายดีของ New York Times อยู่ช่วงนึง ทุกวันนี้ก็ยังมีเว็บไซต์ของเขาจำหน่ายหนังสือในหัวข้อเดียวกันนี้ ทั้งเล่มเดิมและเรื่องอื่นๆที่เพิ่มเติมเข้ามา

Vital test
Photo by Hush Naidoo Jade Photography / Unsplash

ในหนังสือเล่มนี้นั้น Adamo อ้างว่าโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลนั้นขึ้นอยู่กับกรุ๊ปเลือดของเขา แต่ละกรุ๊ปเลือดจะบ่งบอกแสดงถึงสายพันธุกรรม ที่เราได้รับส่งต่อมาจากวิวัฒนาการของบรรพบุรุษอาหารที่เขาทาน สิ่งที่ทำให้เขาเติบโตมาและส่งต่อมายังลูกหลาน

ในแง่ของโภชนาการที่หนังสือเล่มนี้นำเสนอไว้ เดี๋ยวจะเล่าให้อ่านเป็นตัวอย่างคร่าวๆนะครับ

กรุ๊ป A : กลุ่มนี้เรียกว่า Agrarian หรือ Caltivator กลุ่มนี้ให้ทานเน้นพืชผัก ให้เลี่ยงหรืองดเนื้อแดง เพราะว่าเป็น "Toxic" ก็ดูจะคล้ายๆกับการทานโภชนาการแบบ Vegan หรือมังสวิรัตนะครับ

กรุ๊ป B : กลุ่มนี้เรียกว่า Nomad กลุ่มนี้ทานพืชและเนื้อสัตว์ได้ ยกเว้น เนื้อไก่ และเนื้อหมู ทานผลิตภัณฑ์จากนมบางอย่างได้ แต่ให้เลี่ยง ข้าวสาลี แป้งสาลี ถั่วเลนทิล มะเขือเทศ และอาหารอีกจำนวนนึง

กรุ๊ป AB : กลุ่มนี้เขาเรียกว่า Enigma จะเป็นส่วนผสมระหว่าง A และ B อาหารที่ทานได้ก็จะเป็นพวกอาหารทะเล เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์นม ถั่ว และธัญพืช ให้เลี่ยงถั่วแดง ข้าวโพด เนื้อวัว และไก่

กรุ๊ป O : กลุ่มนี้เรียกว่า Hunter ให้ทานโปรตีนสูง ในแต่ละมื้อก็ให้เน้นที่โปรตีน ได้ทั้งจากเนื้อ เนื้อปลา สัตว์ปีก ผักและผลไม้ บางชนิด แต่ให้จำกัดการทาน ธัญพืช เลกูม และผลิตภัณฑ์นม ลักษณะจะคล้ายๆโภชนาการแบบ Paleo

นอกจากอาหารก็ยังมีการแนะนำเรื่องของอาหารเสริมบางอย่างเข้ามาด้วยอีก ...

Photo by Markus Winkler / Unsplash

นั่นคือที่มา แนวคิด ทฤษฎี แล้วหลักฐานที่พบคืออะไร ?

เอาละที่หนังสือเล่มนี้ได้กล่าวไว้ ก็เป็นแนวคิด เป็นทฤษฎี ซึ่งก็สามารถนำเสนอกันได้นะครับ แต่ในทางวิทยาศาสตร์ มันก็จะต้องมีการพิสูจน์ว่าทฤษฎีนั้นเป็นยังไงบ้าง เพราะว่ามีหลายทฤษฎี ที่มันดูน่าเชื่อถือ แต่เมื่อมีการพิสูจน์ทางหลักฐานแล้ว กลับพบว่าไม่เป็นอย่างนั้น เรื่องบางอย่างไม่มีหลักฐานอะไรให้อ้างอิงเลย

ในปี 2014 ภายหลังจากหนังสือของ Adamo ทำยอดขายถล่มทลายไปแล้วในอีก 18 ปีต่อมา ก็มีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต [2] ได้ทำการวิจัยในกลุ่มผู้ร่วมทดลองกลุ่มใหญ่มากเลยทีเดียว จำนวน 1,455 คน อายุ 20-29 ปี มีทั้งเพศชายและหญิง ข้อมูลลักษณะกลุ่มประชากรมีดังนี้นะครับ

  • เพศ : หญิง 996 คน ชาย 462 คน
  • คนขาว 703 คน
  • คนเอเชียตะวันออก 491 คน
  • คนเอเชียใต้ 155 คน
  • อื่นๆ 106 คน

ลักษณะของอาหารที่ทานสำหรับกรุ๊ปเลือดแต่ละกรุ๊ปจะเป็นไปตามลักษณะกราฟแท่งตามรูปนี้นะครับ

ก็จะเห็นว่าการทานของผู้เข้าร่วมทดลองก็เป็นไปตามลักษณะของแนวทางการทานตามกลุ่มเลือดของ Adamo ในคนเลือดกรุ๊ป A จะเน้นทานผักและผลไม้ และในเลือดกรุ๊ป O จะเน้นไปที่การทานเนื้อสัตว์ เลี่ยงพวกธัญพืช และผลิตภัณฑ์นม

ในแต่ละกลุ่มเลือด เขาให้ทานโดยมีการดูคะแนนสิ่งที่ทาน ว่าตรงกับการทานตามกรุ๊ปเลือดมากน้อยขนาดไหน ถ้าตรงก็จะได้รับคะแนนเป็นบวก 1 คะแนนในมื้อนั้นๆ ถ้าไม่ตรงก็จะติดลบ ไปหนึ่งคะแนน จากนั้นนำคะแนนมากระจายออกเป็นช่วงความถี่ของการทานที่ตรงตามคำแนะนำของกรุ๊ปเลือด แล้วก็จัดกลุ่มแบบ Tertile ออกตามคะแนนการทานได้ออกมาเป็น 3 กลุ่ม  เพื่อดูว่าผลของการทานตามกรุ๊ปเลือดด้วยแนวคิดดังกล่าวของ Adamo ให้ผลเป็นยังไงบ้าง การวัดผลก็มีการดูค่าเลือดต่างๆ ทั้งน้ำตาล ไขมัน ความ รวมถึง BMI ขนาดรอบเอว และให้ทำแบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูล ระยะเวลาทดลองทั้งหมด 1 เดือน

ซึ่งนักวิจัยในงานนี้ ก็ได้พบว่าการทานตามแต่ละรูปแบบนั้น ก็มีผลดีต่อการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยต่างๆ เช่นโรคความดัน โรคหัวใจและหลอดเลือด ตามลักษณะของรูปแบบที่ไปตรงกับโภชนาการแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Vegan , Plant based, Balanced, Paleo หรืออื่นๆ แล้วก็นำไปวิเคราะห์ดูไปว่ามีส่วนไหนเกี่ยวกับความแตกต่างกันของกรุ๊ปเลือดมั้ย

ผลก็คือ

ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกันนะครับ กับกรุ๊ปเลือดทั้ง 4 กลุ่ม โดยเขาดูเทียบระหว่างคนที่ทานได้ตามแนวทางการทานตามกรุ๊ปเลือด และคนที่ทานไม่ได้ตามแนวทางการทานตามกรุ๊ปเลือด ตามผลคะแนนที่ทำการบันทึกไว้จากการทานของผู้ร่วมทดลองแต่ละคน เมื่อนำมาวิเคราะห์โดยละเอียดแล้ว ไม่พบว่ามีอะไรที่สัมพันธ์กันว่าเป็นผลของการทานตามกรุ๊ปเลือด

กล่าวคือถ้ามันจะได้ผลหรือไม่ได้ผลต่อปัจจัยเสี่ยงต่างๆนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยสิ่งที่ทานตามข้อกำหนดโภชนาการของแต่ละหมู่เลือดนะครับ เป็นผลมาจากการปรับสัดส่วนโภชนาการไปตามรูปแบบอาหารที่ทานไปเท่านั้น คนที่ทานตามรูปแบบของคนเลือดกรุ๊ป A มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดและหัวใจที่ลดลง ก็ไม่แปลกนัก เพราะว่ารูปแบบการทานคล้ายกับการทานแบบ Vegan , Plant-based ที่เน้นไปในการทานผักและผลไม้ เลี่ยงหรืองดเนื้อสัตว์ จำกัดปริมาณการทานผลิตภัณฑ์นม ก็สอดคล้องกับผลการศึกษาในงานวิจัยอีกหลายงานว่ามีผลดีต่อภาวะโรคหลอดเลือดและหัวใจ [3]

ส่วนการทานแบบกรุ๊ป O นั้นก็จะคล้ายกับการทานแบบ Low-carbohydrate Diet ซึ่งก็มีผลการศึกษาพบว่ามีส่วนช่วยในการลดค่าไตรกลีเซอไรด์ได้ในงานวิจัยอีกหลายงาน [4]

Where is the love sung by The Black Eye Peas recreated in a tunnel underpass.
Photo by Emily Morter / Unsplash

แล้วทานตามกรุ๊ปเลือดมันดีรึเปล่า ?

ถ้าลองย้อนกลับไปที่ 4 คำแนะนำที่เขาแนะนำไว้ ตามที่ผมสรุปไว้ให้ด้านบน ก็จะเห็นแว่บๆ ว่ามีสองกลุ่มแล้ว ที่คล้ายหรือใกล้เคียงกับการทานโภชนาการแบบ อื่น เช่น Vegan , Plant-based หรือ Paleo ถ้ามันเป็นแนวทางโภชนาการที่เราชอบอยู่แล้ว ก็โอเคครับ ทานได้ ไม่ได้แย่ แถมอาจจะสบายใจขึ้นอีกเบอร์ว่างุ้ย ฉันทานตามกรุ๊ปเลือดล่ะ ถ้าเป็นสิ่งที่ทำให้สบายใจ มีความสุข ไม่ลำบาก และไม่อันตรายก็ไม่แย่ที่จะทำ

แต่ถ้ามันเป็นแนวทางที่ไม่ชอบ ก็ไม่จำเป็นต้องฝืน ลองปรับโภชนาการให้เหมาะกับตัวเอง ตามข้อมูลอื่นๆจะดีกว่า มันไม่ได้มีผลหรือมีประโยชน์อะไรขนาดนั้น

ผลต่อการควบคุมน้ำหนัก ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน

ในส่วนของการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากแนวทางการทานตามกรุ๊ปเลือดนั้น ไม่ได้กำหนดในเรื่องของปริมาณอาหาร และปริมาณพลังงานอาหาร การจะบอกว่าถ้าทานได้ตามกรุ๊ปจะมีผลยังไงต่อเรื่องการควบคุมน้ำหนักนั้นก็ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนนะครับ ว่าได้ผลหรือไม่ได้ผล เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกมาก โดยเฉพาะตัวหลักสำคัญเลย ซึ่งก็คือเรื่องของ สมดุลย์พลังงานอาหาร สิ่งที่ทานเข้าไป และการใช้พลังงานของร่างกาย [5]

Energy balance does matter!

อ้างอิง

  1. D'Adamo, Peter. (1996). Eat right 4 your type : the individualized diet solution to staying healthy, living longer & achieving your ideal weight. New York :G.P. Putnam's Sons,
  2. Wang, J., García-Bailo, B., Nielsen, D. E., & El-Sohemy, A. (2014). ABO genotype, 'blood-type' diet and cardiometabolic risk factors. PloS one, 9(1), e84749. https://doi.org/10.1371/journal.pone.0084749
  3. Benatar, J. R., & Stewart, R. (2018). Cardiometabolic risk factors in vegans; A meta-analysis of observational studies. PloS one, 13(12), e0209086. https://doi.org/10.1371/journal.pone.0209086
  4. Dong, T., Guo, M., Zhang, P., Sun, G., & Chen, B. (2020). The effects of low-carbohydrate diets on cardiovascular risk factors: A meta-analysis. PloS one, 15(1), e0225348. https://doi.org/10.1371/journal.pone.0225348
  5. Kopelman P. (2010). Symposium 1: Overnutrition: consequences and solutions. Foresight Report: the obesity challenge ahead. The Proceedings of the Nutrition Society, 69(1), 80–85. https://doi.org/10.1017/S0029665109991686

GO TOP

🎉 You've successfully subscribed to Fat Fighting!
OK