ลดความอ้วนอย่าใจร้อน

ถึงจะห่างหายจากวงการลดความอ้วน (บางคนอาจจะงงมีวงการนี้ด้วยเหรอวะเนี่ย ๕๕๕) มาหลายปี แต่แวดวงนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก ในแทบทุกวันจะมีคำถามเดิมๆเกิดขึ้น  (แต่เราก็ต้องเข้าใจนะครับ ว่าบางคนเขาพึ่งมาสนใจเรื่องนี้ เขาก็อาจจะยังไม่รู้มาก่อนจริงๆ) เป็นคำถามถามหาสูตรการลดความอ้วน และแทบทุกคนก็อยากได้สูตรที่เด็ดๆ ทำง่าย ได้ผลเร็ว อยากลดให้ได้เท่านั้นเท่านี้กิโล ภายในเท่านั้นเท่านี้วัน หลายครั้งดูแล้วเหมือนสิ่งที่เขาต้องการน่าจะเป็นการลดน้ำหนัก มากกว่าการลดความอ้วนนะครับเนี่ย ฮ่า

เอาจริงๆ ถ้าเราอยากจะลดความอ้วนให้ได้นั้น สิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยนเลยคือ Mindset ของเราครับ ต้องเริ่มจากทำความเข้าใจก่อน ว่าความอ้วน กับน้ำหนักตัว แม้ว่าบางช่วงจะสัมพันธ์กัน แต่มันไม่ใช่เรื่องเดียวกันเสมอไป

หลายครั้งที่เราลดน้ำหนักตัวลงไปได้เป็น 10 กิโล แต่เอาจริงๆ ถ้าดูสารร่าง ดูความฟิต ความเฟิร์ม ความโทน ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ สัดส่วนของไขมันสะสมใต้ผิดหนัง มันกลับไม่ได้เป็นไปตามน้ำหนักตัวที่ลดลงไปเป็น 10 กิโล

ลดไปได้ตั้งหลายกิโลแต่มันไม่ได้ดูเฟิร์มขึ้นเลย ทำม๊ายยย?!

นั่นก็เพราะระหว่างเส้นทาง 10 กว่ากิโลที่ลดลงไปของเรานั้น สิ่งที่เรากำจัดมันออกไปจากร่างกาย ไม่ใช่ไขมันสะสมส่วนเกิน แต่เป็นกล้ามเนื้ออันน้อยนิดที่ควรจะรักษาไว้

อย่าตั้งเป้าดัชนี ตัวชี้วัดการลดความอ้วนของเราไว้ที่ น้ำหนักตัวบนตาชั่งเวลาชั่งน้ำหนักเพียงอยางเดียว ต้องดูสิ่งที่เรียกว่า Body composition หรือองค์ประกอบของร่างกายด้วย ว่ามีไขมันเท่าไหร่ มีมวลกล้ามเนื้อเท่าไหร่ น้ำหนักตัวน้อย แต่ไขมันสะสมเยอะ ไม่เฟิร์ม มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่นะครับ ลดน้ำหนักไปได้เยอะ แต่เปอร์เซนต์ไขมันแทบไม่ลดลงด้วยเลย นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไหร่

สูตรลดความอ้วนบางสูตรเป็นหนทางสู่หายนะ

พวกสูตรลดความอ้วน ที่จัดเมนูอาหาร มาเป็นชุดๆหลายๆสูตรเหมือนยาชุด ยาผีบอก ยาหมอตี๋สมัยก่อน พิมพ์กันออกมาเหมือนเป็นยาครอบจักรวาล จั่วหัวให้น่าสนใจว่าจะลดได้เยอะภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว หลายคนเห็นแล้วก็ตาลุกวาว รีบทำตามทันที ไม่ได้เอะใจไตร่ตรองดูก่อนเลย ว่ารายละเอียดจริงๆมันเป็นยังไง

ส่วนมากก็จะเป็นการจัดเมนูให้เรากินน้อยลงนั่นแหละครับ แล้วพอเรากินน้อย น้ำหนักมันก็ลด แต่ยังไงต่อ พอเรากินน้อยลงเยอะ ร่างกายมันปรับตัว ลดน้ำหนักลงได้จริง แต่หลังจากนั้นกลับมากินเหมือนเดิมอีก เรียบร้อยเด้อ พังกันมาหลายคนแล้ว แล้วไอ้ตอนที่น้ำหนักมันลดลงนั่นร่างกายมันเลือกที่จะลดเอามวลกล้ามเนื้อ ซึ่งเปรียบเหมือนกับเตาเผาพลังงานของร่างกายออกไป แล้วรีบเก็บอาหารเท่าที่มีเข้าไปเป็นไขมันสะสม

พอเรากลับมากินเท่าเดิมอีกที ไอ้เตาเผาพลังงานที่เคยมีอยู่ไม่มากอยู่แล้ว ถูกเราทำลายไปในช่วงก่อน กินเข้าไปเท่าเดิม มันก็กลายเป็นยิ่งสะสมเพิ่มขึ้น สุดท้ายก็พัง

ตั้งเป้าหมายและระยะเวลาให้เหมาะสม

มาถึงวัยนี้ผมเข้าใจคนที่ต้องการลดน้ำหนักให้ได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้นมากขึ้น บางคนใกล้จะถึงวันสำคัญของตัวเองหรือเพื่อนฝูงแล้ว เดี๋ยวจะต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเก็บไว้ ก็อยากให้ตัวเองดูดีในวันนั้นทีสุด จึงมองหาอะไรที่มีพลังวิเศษช่วยให้สมหวังได้ในเวลาอันสั้น

แต่จากประสบการณ์นะครับ มันไม่ยั่งยืน และสุดท้ายก็วนไปสู่ความพังระยะยาวในที่สุด เวลาจะลดความอ้วนนั้นควรให้เวลากับตัวเองด้วย ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ และดีต่อสุขภาพ

ถ้ามองแค่เรื่องน้ำหนัก การลดลงได้สัปดาห์ละครึ่งกิโล หรือ 1 กิโล ก็ถือว่าโอเคแล้วนะครับ ไม่เร็วจนเกินไป อาจจะดูเหมือนลดไม่มาก แต่ถ้าทำจริงๆจังๆ เดือนนึงก็ลดได้ตั้ง 4 โล 2 เดือนนี่ก็ 8 โลแล้วนะครับ ยิ่งถ้าใน 4 หรือ 8 กิโลที่ว่า เป็น 4 หรือ 8 กิโลแบบคมๆเลย ที่ลดลงไปเป็นไขมันแทบจะล้วนๆ รับรองได้เลยว่าถึงจะลดแค่ 8 กิโล แต่รูปร่างที่สะท้อนออกมาหน้ากระจกของคุณ จะต้องให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจแน่นอน

อย่างโพสต์ที่เขาถามข้างต้น ถ้าเราตั้งเป้าหมายให้เหมาะสม สัปดาห์ละ 1 กิโล ก็ไม่ได้นานนะครับ เขาต้องการลด 12 กิโล ตีซะสัปดาห์ละ 1 กิโล ก็แค่ 12 สัปดาห์หรือประมาณ 3 เดือน ถ้าในระยะเวลา 3 เดือน แค่ออกกำลังกาย และควบคุมอาหารอย่างถูกต้อง ก็ไม่ใช่เป้าหมายที่จะเป็นไปไม่ได้อะไรเลย และแถมจะได้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีด้วยซ้ำ ถ้ามีการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

วิธีการออกกำลังกาย วิธีการคุมอาหาร ข้อมูลต่างๆ เดี๋ยวนี้มีให้เสพ มีให้อ่านว่อนเน็ตเลยครับ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากในการหาความรู้เหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว อยู่ที่เราแล้วละ ว่าเราจะเลือกแนวทางไหน และจะปฎิบัติมันได้อย่างจริงจัง สม่ำเสมอรึเปล่า ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ ร่วมกันเดินไปในแนวทางที่ถูกต้อง ผลมันจะต้องออกมาดีแน่นอน เชื่อดิ !!