งานวิจัยเผย IF ไม่ได้ลดความอ้วนได้มากมายอย่างที่คิด

กระแสการทานแบบ Inetermittent Fasting หรือ IF ค่อนข้างเป็นที่นิยมในปัจจุบันนะครับ แต่ว่าเอาจริงๆแล้วมันได้ผลระดับไหนกันแน่ วันนี้ขอเอางานวิจัยใหม่ๆ มานำเสนอกันครับ


งานวิจัยเผย IF ไม่ได้ลดความอ้วนได้มากมายอย่างที่คิด

ตอนนี้การทานอาหารแบบ Intermittent Fasting หรือ IF นี่ได้รับความนิยมมากเลยนะครับ อาจจะเพราะว่ามันดูแล้วทำง่าย เพียงแค่กินในช่วง 8 ชั่วโมง แล้วนอกจากช่วงนั้นก็ไม่กินอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่าหรือกาแฟ หลายคนทำแล้วก็ประสบความสำเร็จ พอเขามาเล่าว่าทำแบบนี้แล้วลดได้ มันก็เลยยิ่งน่าตื่นเต้นเข้าไปใหญ่  แต่ว่ามันเจ๋งจริงอย่างที่เขาว่ากันมั้ย วันนี้จะมาชวนคุยเรื่องนี้กันนะครับ

Photo by CHUTTERSNAP / Unsplash

งานวิจัยล่าสุดบอกเราว่า ...

งานนี้เป็นการศึกษาของ UC San Frincisco ศึกษาเกี่ยวกับผลของการไอเดทแบบ IF ว่าส่งผลกับการลดน้ำหนัก และการเผาผลาญในกลุ่มคนที่น้ำหนักเกินเกณฑ์ และกลุ่มคนอ้วน ว่ามีผลยังไงบ้างนะครับ

สำหรับรายละเอียดการศึกษาครั้งนี้คลิกไปอ่านได้ในลิงค์ข้างต้นเลยนะครับ เอาละทีนี้มาว่ากันโดยสรุปของงานชิ้นนี้กันนะครับ เขาได้ทำการศึกษาในกลุ่มคน 116 คน ซึ่งมีทั้งชายและหญิง เป็นคนที่มีค่า BMI อยู่ระหว่าง 27-46 ก็คือเป็นกลุ่มที่น้ำหนักเกินเกณฑ์ และกลุ่มที่เข้าข่ายอ้วนแล้วนั่นเองนะครับ โดยหลังจากทำการศึกษาเป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์พบว่า

กลุ่มที่กินแบบจำกัดเวลา IF 16/8 นั้นลดได้เฉลี่ย 0.94 กิโลกรัม ส่วนกลุ่มที่ให้กินตามมื้อปกติลดน้ำหนักลงได้เฉลี่ย 0.68 กิโลกรัม ถึงจะมีผลต่างกันระหว่าง 0.94 และ 0.68 แต่ก็ไม่ได้ถือว่ามีผลที่แตกต่างกันชัดเจนอะไรมากนะครับ นอกจากนั้นพวกค่าต่างๆ เกี่ยวกับ Fat mass, lean mass ค่าอินซูลิน ค่าน้ำตาล HbA1C การใช้พลังงานต่างๆ ก็พบว่าไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมากจนเป็นนัยสำคัญ

THOUGHT CATALOG 4EVER
Photo by Thought Catalog / Unsplash

การควบคุมพลังงานอาหารยังมีบทบาทสำคัญ

อันนี้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปนะครับ แม้แต่ในกลุ่มของแพทย์ที่แนะนำเกี่ยวกับการทานแบบ IF ก็ยังย้ำกันอยู่บ่อยๆ ว่ายังไงก็ต้องทานโดยให้ได้รับพลังงานอาหารอย่างเหมาะสม ไม่ใช่ว่าทาน IF แล้วคิดอยากจะกินกระหน่ำเท่าไหร่ก็ทำได้ ถึงจะกินจำกัดเวลา แต่ถ้าพอถึงเวลาแล้วซัดเข้าไปเกินกว่าความต้องการของร่างกาย ยังไงมันก็สะสมครับ

ในทางกลับกันสิ่งที่ต้องระวังหากเราจะทานอาหารแบบ IF ก็คือการที่ร่างกายอาจจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เพราะว่าการที่ต้องกินในเวลาจำกัด บวกกับความกังวลที่ต้องลดความอ้วน อาจจะทำให้หลายคนนอกจากจะกินจำกัดเวลาแล้ว ยังจำกัดพลังงานและสารอาหารโดยไม่รู้ตัว ซึ่งรูปแบบนี้แม้ว่าจะได้ผลในแง่ของการลดน้ำหนัก แต่ก็ไม่พ้นอย่างที่พูดกันบ่อยๆว่าน้ำหนักที่หายไปจำนวนนึงอาจจะเป็นการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ไม่ใช่แค่การลดไขมันสะสมส่วนเกินเพียงอย่างเดียว

Drive Time
Photo by Tim Mossholder / Unsplash

ข้อดีของ IF ก็มีแต่...

การทานอาหารแบบ IF ก็มีข้อดีของมัน แต่ไม่ใช่ว่าไม่กินแล้วจะลดน้ำหนักลดความอ้วนไม่ได้ การควบคุมอาหารวิธีอื่นก็สามารถทำได้เหมือนกัน ถ้าทาน IF แล้วต้องมากังวลว่า อร๊าย กินหลุดอีกแล้วทำยังไงดี บลาบลาบลา จนสติเริ่มจะเสียแล้ว ก็ตั้งหลักใหม่ครับ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเวลาหรอก ทานอาหารให้อยู่ในกรอบของมื้ออาหารที่เหมาะสม แต่ละมื้อห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ดูแลปริมาณและสารอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และหันมาออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬา เพิ่มขึ้น เท่านี้ก็เหลือเฟือแล้วสำหรับการลดความอ้วน

สรุปว่า ใครที่อยากลดความอ้วน ลดน้ำหนัก แล้วลังเลว่าถ้าไม่ทำ IF เหมือนคนอื่นเขาบอก จะลดได้มั้ย ไม่มีปัญหานะครับ ลดได้แทบไม่ได้ต่างกัน ปัจจัยไม่ใช่การควบคุมเรื่องเวลากินอย่างเดียว

ส่วนใครที่คิดว่าสะดวกแบบ IF หรือมีคำแนะนำพิเศษมาเรื่องเกี่ยวกับเบาหวานอะไรแบบนั้น สามารถทำได้ไม่ติดขัดอะไร ก็ไม่มีปัญหานะครับ ไม่ได้เป็นผลร้ายต่อร่างกายอะไร งานวิจัยชิ้นนี้เพียงแค่ชี้ว่าสำหรับการลดน้ำหนักแล้ว IF ไม่ใช่ยาวิเศษที่เหนือกว่าวิธีอื่นเท่านั้น ยังไงก็ระวังอย่าให้เผลอทานน้อยเกินไปจนขาดสารอาหาร ก็โอเคแล้ว ยังไงก็ตามไม่ว่าจะคุมอาหารกันแบบไหน ก็ขอให้ทุกท่านสุขภาพดีนะครับ

GO TOP

🎉 You've successfully subscribed to Fat Fighting!
OK