เคยสงสัยกันไหมครับ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับไขมันสะสมส่วนเกินในร่างกายเรา เวลาที่เราลดน้ำหนัก หรือลดความอ้วน มันหายไปไหน ? แล้วมันหายไปได้ยังไง ? มันไหลออกมากับเหงื่อมั้ย ? หรือว่าออกมาพร้อมฉี่ ? หรือว่าออกมากับลมหายใจ ? คำตอบคือ ใช่แล้ว ทั้งหมดนั่นที่ว่ามานั่นแหละครับ
ที่เราจะเอาเรื่องนี้มาคุยกัน ก็เพราะว่าการทำความเข้าใจเรื่องกลไกการทำงานต่างๆ ของร่างกายเรา มีส่วนสำคัญมากนะครับ ที่จะช่วยให้เราสามารถลด หรือเพิ่ม น้ำหนักตัว มวลกล้ามเนื้อ มวลไขมัน ให้กับร่างกายเราเองได้ตรงตามที่เราต้องการ เอาละเดี๋ยวเรามาดูรายละเอียดกันต่อดีกว่า ว่ามันหายไปในรูปแบบต่างๆ ที่ว่าได้ยังไงกัน
ขั้นตอนในตอนที่มันเก็บไขมันเป็นยังไง
เวลาที่เราน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นนั้น ก็เป็นเพราะว่าเรากินอาหารเข้าไปมากเกินที่ร่างกายจะใช้หมดในช่วงนั้นๆ เมื่อมีอาหารที่กินเข้าไปมากเกินไปส่วนนี้ ร่างกายเราได้รับการออกแบบมาให้เก็บส่วนที่เกินนั้นไว้ เป็นพลังงานสำรองไว้ใช้ในอนาคต ซึ่งพลังงานส่วนที่เกินใช้เหล่านี้จะเก็บเป็นเนื้อเยื่อไขมัน (Adipose tissue) รอบๆตัวเราในรูปของ ไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglycerides) พลังงานบางส่วนก็เก็บไว้บริเวณตับ และบางส่วนเก็บไว้ในกล้ามเนื้อ ในรูปของไกลโคเจน (Glycogen)

มีข้อมูลที่น่าสนใจอยู่อย่างนึงนะครับ เกี่ยวกับเซลล์ไขมัน ก็คือว่าเจ้าเซลล์ไขมันที่ว่าเนี่ย มันจะพัฒนาแบ่งตัวขึ้นในช่วงที่เรายังเป็นตัวอ่อนอยู่ในครรภ์ หลังจากนั้นก็จะมีการเติบโตขึ้นเป็นระยะๆ จนกระทั่งเราเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เมื่อผ่านช่วงนั้น มันจะไม่ทำการแบ่งตัว หรือสร้างเพิ่มขึ้น แต่จะขยายตัวจากเซลล์เดิมที่มี เวลาเราอ้วนขึ้นก็เพราะว่ามันสะสมไขมันในแต่ละเซลล์มากขึ้น ไม่ ไม่ได้สร้างเซลล์ใหม่ และในเวลาที่เราจะลดไขมันก็เช่นกัน มันจะไปดึงที่เก็บไว้ในแต่ละเซลล์ออกมาเผาผลาญ แต่ไม่สร้างเซลล์ใหม่เพิ่มเหมือนกัน
ในส่วนนี้มีข้อยกเว้นอะไรมั้ย ? ก็มีบ้างนะครับ ในขาเพิ่ม ก็ยกเว้นว่าสำหรับคนที่อ้วนขึ้นเยอะมากๆๆๆ จริงๆ อันนั้นอาจจะมีโอกาสที่มันจะสร้างเซลล์ใหม่ และในกรณ์ของคนที่ไปดูดไขมันออก อันนั้นก็มีจะไม่เป็นไปตามที่กล่าวไว้ข้างต้นนะครับ
ร่างกายเราใช้พลังงานตอนไหนบ้าง ?
อันนี้เราเคยลงรายละเอียดกันไปแล้วนะครับ ในบทความเรื่องวันนึงเราเผาผลาญพลังงานไปเท่าไหร่ เดี๋ยวเรามาทบทวนกันอีกทีแล้วกัน ว่าร่างกายเราใช้พลังงานไปตอนทำอะไรบ้าง
- ตอนพัก ตอนที่เรานั่งเฉยๆ นอนพัก ร่างกายเรายังใช้พลังงานในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ร่างกายเรายังใช้พลังงานในการหายใจเข้าหายใจออก ร่างกายเรายังใช้พลังงานในกระบวนการต่างๆของสมอง ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เรียกว่า BM หรือ Basal Metabolism นั่นเองครับ
- ตอนที่เราทำกิจกรรมต่างๆ อันนี้คงไม่ต้องอธิบายกันมาก ยิ่งขยับ ยิ่งทำนั่นทำนี่ ร่างกายก็จะยิ่งใช้พลังงานมาก ตั้งแต่กระดิกนิ้วเล่น ไปยันการวิ่งมาราธอนโน่นแหละครับ
- ตอนกินอาหาร ระบบย่อยอาหารของเราใช้พลังงานในการแตกตัวอาหารที่เรากินเข้าไป การนำพาอาหารให้เคลื่อนที่ไปตามลำไส้ พวกนี้ก็ใช้พลังงานนะครับ
เอาละทีนี้เรารู้กันไปแล้วทั้งในส่วนขาเข้า จุดที่ทำให้ไขมันในร่างกายเราเก็บสะสม และในส่วนกระบวนการเผาผลาญ ว่ามันจะมีการเผาผลาญพลังงานเกิดขึ้นในตอนไหนบ้างกันไปแล้ว ทีนี้ก็มาดูในตอนที่พลังงานเราติดลบ และร่างกายจะจัดการกับไขมันที่สำรองกันไว้นะครับ
เกิดอะไรขึ้นกับไขมัน ในตอนที่เราคุมอาหาร ?
เวลาที่เราคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ลดความอ้วน แบบที่เรากินเข้าไปให้น้อยกว่าพลังงานที่เราใช้ในแต่ละวัน พลังงานที่กินเข้าไปก็จะติดลบ (Calories deficit) ร่ายกายก็จะหันไปหาไขมันที่เก็บสำรองไว้เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงาน
สำหรับการเผาผลาญที่เกิดขึ้นจากการคุมอาหารนั้น ในกระบวนการกำจัดไขมันที่สะสมไว้ออกมาใช้งาน ด้วยวิธีการต่างๆในร่างกายเรา ก็จะสิ่งที่ได้เป็นผลผลิตเหมือนผลพลอยได้ของการเผาผลาญไขมันออกมาจากร่างกายเรา ในรูปแบบต่างๆดังนี้นะครับ
- น้ำ ผ่านทางผิวหนัง (เวลาที่เราเหงื่อออก)
- น้ำ ผ่านทางไต (เวลาที่เราปัสสาวะ)
- คาร์บอนไดออกไซค์ ผ่านทางปอด (เวลาที่เราหายใจออก)
ไม่ได้หมายความว่าพวกนี้คือไขมันที่ละลายออกมานะครับ ตัวไขมันจะถูกทำให้แตกตัวออก แล้วร่างกายเราก็นำไปแปลงเป็นพลังงาน นั่นคือผลผลิตหลัก เพื่อใช้ในการทำงานของอวัยวะต่างๆ ใช้ในการประกอบกิจกรรมต่างๆของร่างกาย รวมไปถึงการนำไปสร้างความร้อนภายในร่างกาย เพื่อใช้ในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ
เกิดอะไรขึ้นกับไขมัน ในตอนที่เราออกกำลังกาย ?
ตอนที่เราเริ่มออกกำลังกาย ในช่วงแรกๆกล้ามเนื้อจะนำเอาไกลโคเจน มาใช้เป็นพลังงานก่อน เพราะมันนำมาใช้ง่าย หลังจากนั้นเมื่อเราออกกำลังกายถ้าเป็นระดับแอโรบิคไปได้สักพัก ร่างกายก็จะเริ่มนำเอาไขมันมาใช้เป็นพลังงานเป็นตัวหลักแล้ว ตรงส่วนนี้ร่างกายจะนำเอาไขมันมาใช้เป็นตัวหลักได้เร็วหรือช้าแค่ไหน แตกต่างกันไปในแต่ละคนด้วย คนที่ฝึกซ้อมกับการออกกำลังกายโซนต่ำเป็นประจำ ก็อาจจะมีความสามารถมีความคุ้นเคยในการนำไขมันมาใช้เป็นพลังงานได้เร็วกว่า คนที่ออกกำลังกายโซนสูงเป็นประจำ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเราหวังผลการออกกำลังกายเพื่อการลดไขมันที่สะสมไว้ ก็ขอแนะนำให้ออกกำลังกายในรูปแบบกิจกรรมแอโรบิค หรือคาร์ดิโอให้ต่อเนื่องสัก 30 นาทีเป็นอย่างน้อย แล้วทำให้ได้สักสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างต่ำนะครับ
ส่วนการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน การยกน้ำหนัก Strength Trainning ก็แนะนำว่าให้จัดตาราง ทำควบคู่หรือสลับกันไปด้วย เพราะการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน จะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งมวลกล้ามเนื้อที่มากขึ้น ก็จะทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
การออกกำลังกายจะทำให้เราหายใจถี่ขึ้น (กว่าตอนพัก) ทำให้ร่างกายเราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากขึ้น ซึ่งก็คือการที่เราเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้น (กว่าตอนพัก) นั่นเองครับ
บางท่านอาจจะเคยได้ยินว่า ออกกำลังกายแล้วไขมันจะเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อ อันนั้นไม่ใช่นะครับ ไขมันกับกล้ามเนื้อนี่คนละส่วนกันอย่างแท้ทรู การกำจัดไขมันส่วนเกินก็เรื่องนึง การเสริมสร้างกล้ามเนื้อก็อีกเรื่องนึง แต่ในบางคนที่ออกกำลังกายและกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ร่างกายเผาผลาญไขมันสะสมออกไปใช้ สองอย่างเกิดในช่วงเวลาเดียวกัน ก็ทำให้เข้าใจผิดไปว่า ไขมันเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อนั่นเองครับ
การออกกำลังกายและน้ำหนักตัว
การออกกำกายเป็นหัวใจหลักอย่างนึงในการลดความอ้วน แต่มันก็ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควรนะครับ ที่จะส่งผลให้เห็นเป็นผลลัพธ์บนตาชั่ง การออกกำลังกายไม่ได้ทำให้น้ำหนักตัวลดเสมอไป บางคนออกแล้วน้ำหนักตัวเพิ่ม (เพราะกล้ามเนื้อเพิ่ม แต่สัดส่วนเปลี่ยน เพราะไขมันลดลง) บางคนออกกำลังกายแล้วน้ำหนักไม่เปลี่ยน พวกนี้ก็อย่างที่เคยคุยกันไปแล้ว ว่าพยายามใช้ดัชนีชี้วัดผลของการออกกำลังกายหลายๆตัว เช่น เปอร์เซ็นต์ไขมัน รูปร่าง สัดส่วนร่างกาย
อย่าพึ่งรีบท้อ ถ้าออกกำลังกายแล้วน้ำหนักไม่ลด มันต้องใช้เวลาในการเห็นผลความเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยมันก็ดีกว่าเรานั่งไถมือถือเสพดราม่าเรื่องของชาวบ้านไปแบบไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ๕๕๕๕ สำหรับใครอยากชมคลิปรายการ Fat Talk เนื้อหาเดียวกันกับบทความนี้ รับชมได้ข้างล่างเลยนะครับ