พลังแหล่งศรัทธา !! Placebo Effect

บางสิ่งพอเราเชื่อ เราศรัทธา มันก็มีผลขึ้นมาได้นะครับ แม้ว่าจริงๆแล้ว มันไม่ได้มีผลอะไรเลยก็ตาม แต่ใจเรามันเชื่ออ่ะ ยังไงมันก็ดี


พลังแหล่งศรัทธา !! Placebo Effect

ความเชื่อ ทำให้เราทำอะไรได้ดีขึ้นมั้ย บางครั้งสิ่งที่มันไม่ได้ผลอะไร มันก็ทำให้ได้ผลอะไรขึ้นมาได้นะครับ ถ้าเพียงแค่ตัวเรามีความเชื่อ ความศรัทธา งานนี้เป็นงานของ Ross และคณะ (2015) นะครับ เขาทำการศึกษาเพื่อทดลองผลทางใจของการให้ยาหลอก Placebo Effect ในการวิ่งแบบ Endurance [1]

Ross และคณะ (2015)

ทำในคนกลุ่มไหน ?

โดยเขานำนักวิ่ง Endurance ชายที่เคยผ่านการฝึกซ้อมมาแล้ว จำนวน 15 คน อายุเฉลี่ย 27.5 ปี (จริงๆตรงนี้เราไม่ต้องสนก็น่าจะได้เนาะ ๕๕ แต่เอาให้พอเห็นข้อมูลสักหน่อยแล้วกันนะครับ) สูงเฉลี่ย 179 ซม. หนักเฉลี่ย 73.4 กิโลกรัม และ BMI 22.9 ที่ผ่านมาก็ฝึก Endurance สัปดาห์ละ 200-300 นาที สุขภาพแข็งแรงดี

ทดลองยังไง ?

โดยในงานเนี่ยเขาก็บอกนักกีฬาที่มาร่วมทดลอง ว่าจะให้ใช้ยาชนิดนึง ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกายได้ ชื่อว่า OxyRBX เป็นสารที่ถูกต้อง ไม่เป็นสารต้องห้าม มีการให้รายละเอียดข้อมูลต่างๆ แล้วก็กำชับว่าให้เก็บข้อมูลเหล่านี้เป็นความลับ ห้ามเปิดเผยจนกว่าจะได้รับอนุญาต จากนั้นก็แนะนำวิธีใช้ แล้วก็จับมาคุยกันเป็นรายบุคคล

Secret
Photo by Kristina Flour / Unsplash

เขาก็ทำรายละเอียดเอกสารต่างๆ มาให้ดูแบบว่าจริงจังโคตรๆนะครับ ว่านี่คือการทดลองยาเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายจริงๆ เพื่อดูผลข้างเคียง บลาบลาบลา ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนเพื่อให้ผู้ร่วมทดลองรู้สึก "เชื่อ" ว่ากำลังจะทดลองประสิทธิภาพของยาชนิดใหม่ เชี่ย อารมณ์เหมือนพวกรุ่นพี่ หลอกน้องปีหนึ่งเลย ๕๕

จากนั้นนะครับก็เริ่มทำการทดลอง ให้วิ่ง Indoor ระยะทาง 3 กิโล เพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อน ในช่วง 3-5 วันก่อนเริ่มขั้นตอนต่อไป ซึ่งตรงนี้ แต่ละคนจะไม่รู้ว่าเวลาที่ทำในช่วงนี้เขาเก็บไว้เป็น handicap ในการทดลองอีกทีนึง

จากนั้นก็ให้แต่ละคนมาสุ่ม ว่าจะรับยาหลอก (Placebo) หรือไม่ต้องรับยา (Control) ถ้ารับยาก็เป็นการฉีดน้ำเกลือให้วันละ 0.5mL นั่นแหละคับ แต่บอกว่าในนั้นมี OxyRBX อยู่ด้วย ก็ทำการเก็บข้อมูล 7 วันแล้วก็ พัก wash out เคลียร์ผลของยา(ที่ไม่มี) อีก 14 วัน แล้วสลับกลุ่มทำซ้ำอีกรอบ

รูปแบบขั้นตอนการทดลองในงานนี้

เก็บข้อมูลยังไง ?

ไอ้การวิ่งการเก็บข้อมูลต่างๆ เขาก็ทำจริงจังนะ มีการเก็บตัวอย่างผลเลือด เพื่อดูเม็ดเลือด ดูอะไรต่างๆ การฝึกและการทานอาหารช่วงนี้เขากำหนดให้ทำเหมือนเดิมๆที่เคยทำมา แล้วก็ให้บันทึกความรู้สึกนั่นนี่โน่น ว่ารับยาไปแล้วเป็นยังไงบ้าง ช่วงซ้อมช่วงฝึก

ผลที่ได้คือ ?

จากนั้นก็เอาผลต่างๆ ที่ได้มาวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ ซึ่งเขาก็พบว่า ใน 15 คนเนี่ย มี 11 คนที่แรงดีขึ้นมาในช่วงที่ได้รับ Placebo เมื่อเทียบกับช่วง Control ซึ่งไม่ได้ฉีดยาให้ มีคนนึงที่ก็เท่าๆกัน และอีก 3 คนแรงดีตอนไม่ได้ฉีดยา

ฉีดน้ำเกลือแต่วิ่งได้เร็วขึ้น งุ้ย~~

ในรายละเอียดของงานนี้ มีบอกถ้อยคำจากผู้ร่วมทดลองแต่ละคนไว้ด้วยนะครับ ว่าใช้ยาแล้วฟีดแบคเป็นยังไง บางคนก็แบบคาดหวัง ตื่นเต้น พอรับยาแล้วรู้สึกดี โอ้ มันยอดมากเลยจ๊อด เธอลองบ้างมั้ยล่ะซาร่าาา ฯลฯ สนใจลองไปอ่านกันดูนะครับ สนุกอยู่ 55

สรุป

สรุปก็คือว่า ถ้าเราเชื่อว่าสิ่งนั้นมันดี ต่อให้มันเป็นน้ำเกลือ มันก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรครับ แล้วไม่ใช่แค่ว่าดีต่อความรู้สึกอย่างเดียวนะ ปรากฎว่า ทำผลงานออกมาดีขึ้นหน่อยนึงด้วย (1.2%) (แต่ถ้าเทียบกับยาจริงๆที่เขากล่าวถึงว่าให้ในงานนี้แล้วก็ให้ผลที่น้อยกว่า)

ก็นำงานนี้มาเล่า เพราะหลายครั้ง บางทีที่เราบอกว่าไอ้นั่นไอ้นี่ให้ผลดี ทำให้ฉันน้ำหนักลดได้ ทำให้ฉันหน้าใส หน้าเด็กได้ ทำให้ฉันชะลอวัยได้ บลาบลาบลา เอาจริงๆหลายเรื่อง ก็อาจจะเป็นผลของ Placebo Effect นั่นแหละครับ หรือมันอาจจะมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ใจเรามันเชื่อ คนมันรักห้ามไม่ไหว ก็เทใจไปว่าผลที่ได้นั้น เป็นเพราะสิ่งที่ฉันเทใจให้นั่นเอง

บางคนนี่คุมอาหาร ออกกำลังกายจริงจัง คนไปถามว่าทำไงถึงได้ผล อ๋อ ฉันทำ IF จ่ะ .. แหม่ ก็เอาที่สบายจัยแล้วกัน

อ้างอิง

  1. Ross, R., Gray, C. M., & Gill, J. M. (2015). Effects of an Injected Placebo on Endurance Running Performance. Medicine and science in sports and exercise, 47(8), 1672–1681. https://doi.org/10.1249/MSS.0000000000000584

GO TOP

🎉 You've successfully subscribed to Fat Fighting!
OK